สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

“หัวใจ” เป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ทำหน้าที่สูบฉีดเลือด ไหลเวียนผ่านหลอดเลือดไปทั่วร่างกาย ดังนั้นหากเกิดโรคหรือภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจหรือหลอดเลือด จึงส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายหรือกระทั่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที และจากสถิติประเทศไทยอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากท่านเป็นผู้มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีอาการที่น่าสงสัยว่าอาจสัมพันธ์กับโรคหัวใจ จึงควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ

อาการที่สัมพันธ์กับโรคหัวใจและหลอดเลือด

• แน่นหน้าอก จุกลิ้นปี่
• ใจสั่น
• หายใจไม่ออก
• เหนื่อยง่าย แม้จะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงหรือทำงานก็เหนื่อย
• ออกกำลังกายแล้วแน่นหน้าอก
• เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
• ใจเต้นเร็วผิดปกติ
• น้ำหนักตัวเพิ่ม เท้าหรือข้อเท้าบวมมากขึ้น
• นอนราบไม่ได้
• ต้องตื่นขึ้นมาหายใจหอบตอนกลางคืน
• เหงื่อออกง่าย ตัวเย็น

ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองเป็นประจำสม่ำเสมอ หากมีอาการต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะท่านอาจมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

>> อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคหัวใจ

จุดเริ่มต้นและจุดเด่นของสถาบันหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลพระรามเก้า

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นสถาบันหลักที่สำคัญของโรงพยาบาลพระรามเก้า เริ่มต้นจากแผนกโรคหัวใจเมื่อ 32 ปี ก่อนจากแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจไม่กี่ท่าน ได้สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นสถาบันหัวใจและหลอดเลือดที่เข้มแข็งในปัจจุบัน เรามีแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจรวม 31 ท่าน ที่พร้อมให้บริการในทุกด้านของโรคหัวใจและหลอดเลือดตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบถ้วน เราสามารถให้การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจที่ซับซ้อนได้เป็นอย่างดีด้วยทีมแพทย์โรคหัวใจครอบคลุมทุกสาขา

นอกเหนือจากการรักษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก JCI แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือการดูแลรักษาทุกท่านด้วยจิตใจของเรา ด้วยความใส่ใจ ให้ความเป็นกันเองและความรู้สึกอบอุ่นที่ทุกท่านสัมผัสได้ เราขอสัญญาว่าเราจะดูแลทุกท่านตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ว่า

“ดูแลหัวใจคุณด้วยหัวใจเรา”

จาก “ศูนย์หัวใจ” สู่ “สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า”

โรงพยาบาลพระรามเก้าได้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ และ ตระหนักถึงอันตรายของโรคหัวใจที่ต้องการการวินิจฉัยที่รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ พร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ฉุกเฉิน จึงได้พัฒนาเพิ่มศักยภาพจาก “ศูนย์หัวใจ” สู่การพัฒนาเป็น “สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า” เพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

จากศูนย์หัวใจ สู่สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า เราได้พัฒนาความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การบริการตรวจวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น การตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาหัวใจอย่างละเอียด ด้วยวิธีการและอุปกรณ์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ครบถ้วน ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการรักษา ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ และการส่งเสริมการดูแลเชิงป้องกันควบคู่ไปด้วย

เรามีบุคลากรที่ชำนาญการเฉพาะทาง ทั้งทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในสาขาต่าง ๆ ที่ผ่านการคัดเลือก พัฒนาความรู้ความสามารถและศึกษาเรียนรู้วิทยาการใหม่ ๆ สามารถให้การรักษาโรคเฉพาะทางต่าง ๆ ทางหัวใจและหลอดเลือด และคอยให้การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด อยู่เคียงข้างผู้ป่วยและญาติ ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยโรค การให้การรักษา ตลอดจนการฟื้นฟูหลังจากการรักษา และให้ความรู้และคำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อให้ผู้ป่วยได้อุ่นใจในการดำเนินชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังได้รับการรักษาแล้ว

การให้บริการของสถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า (ศูนย์หัวใจ) เรามีความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด และการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อการป้องกันอย่างทันท่วงที ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ข้อมูลครบถ้วนและถูกต้องในการช่วยตรวจหาร่องรอยของโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะแรกเริ่ม ก่อนมีอาการ รวมทั้งการวินิจฉัยโรค และการเตรียมการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

ด้านการตรวจวินิจฉัย

1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiography; EKG) เป็นการตรวจเพื่อดูสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจว่าเข้าข่ายเป็นโรคหัวใจหรือไม่

ข้อดี: ผู้ป่วยไม่เจ็บตัว ใช้เวลาตรวจประมาณ 5-10 นาที สามารถบอกความผิดปกติของหัวใจเบื้องต้นได้

2. การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram) เป็นการตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจเพื่อตรวจดูโครงสร้างของหัวใจ การบีบตัว การคลายตัวของหัวใจ และการทำงานของลิ้นหัวใจว่าปกติหรือไม่ สามารถใช้วินิจฉัยโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ดี

ข้อดี: เป็นการตรวจที่ผู้ป่วยไม่เจ็บตัว แพทย์สามารถดูโครงสร้างของหัวใจได้ค่อนข้างละเอียด การเตรียมตัวก่อนตรวจไม่ซับซ้อน

3. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test; EST) โดยให้ผู้ป่วยเดินออกกำลังกายบนสายพานและติดอุปกรณ์เพื่อดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจและความดันเลือดในขณะออกกำลังกาย เพื่อทดสอบว่า ในขณะออกกำลังกายมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดขึ้นหรือไม่

ข้อดี: เป็นการตรวจที่ทำได้ง่าย ช่วยประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ดี และช่วยบอกถึงความแข็งแรงของร่างกายได้

4. การตรวจวัดความแข็งตัวของหลอดเลือด (ankle brachial index; ABI) เพื่อประเมินการอุดตันและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เช่น โดยเฉพาะที่แขนและขา สามารถใช้คัดกรองโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตันที่มักพบในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่มีอาการปวดขาและช่วยบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจในอนาคตได้

ข้อดี: เป็นการตรวจที่ค่อนข้างสะดวก เป็นการตรวจวัดความดันแขนขา 4 ข้างไปพร้อม ๆ กัน ใช้เวลาตรวจไม่นาน ผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัว หลังตรวจแพทย์สามารถอ่านผลตรวจจากเครื่องได้เลย

5. การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (computed tomographic angiography; CTA) เป็นการตรวจเพื่อดูลักษณะของหลอดเลือดด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงว่ามีลักษณะของการตีบหรือป่องโพงหรือไม่

ข้อดี: เป็นการตรวจที่เห็นรายละเอียดของหลอดเลือดได้ชัดเจน ใช้วินิจฉัยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้ค่อนข้างแม่นยำ

6. การตรวจหาแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (coronary calcium score; CACs) เป็นการตรวจระดับแคลเซียม หรือหินปูนที่ผนังหลอดเลือดหัวใจที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Scan) นอกจากนี้ยังใช้ตรวจระดับหินปูนที่ลิ้นหัวใจที่อาจเป็นสาเหตุของลิ้นหัวใจตีบได้ด้วย

ข้อดี: เป็นการตรวจที่ใช้เวลาไม่นานประมาณ 10-15 นาที ใช้ปริมาณรังสีน้อย ลดความเสี่ยงต่ออันตรายจากรังสีเอกซเรย์ และบอกความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ดี

7. การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้า (cardiac magnetic resonance imaging; CMR) เป็นการตรวจโดยเครื่องเอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้าตรวจดูโครงสร้างของหัวใจ การบีบตัว การคลายตัวของหัวใจ และการทำงานของลิ้นหัวใจ โดยเป็นการตรวจที่ให้รายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น และสามารถแยกโรคได้ดีขึ้นด้วย

ข้อดี: เป็นเทคนิคการตรวจหัวใจที่มีความละเอียดสูง สามารถวินิจฉัยโรคหัวใจที่มีความซับซ้อนได้ดี และผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงโดนรังสีเอกซเรย์

ด้านการตรวจรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด

• การตรวจรักษาโรคทางหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่
• ห้องตรวจโรคหัวใจผู้ป่วยนอก (OPD) ให้บริการตรวจรักษาโดยการให้ยาหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
• หออภิบาลผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ (critical cardiac care unit; CCU) ให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
• การสวนหัวใจและการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiogram; CAG) และการขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านสายสวนและใส่ขดลวดค้ำยัน (percutaneous coronary intervention; PCI) เป็นเทคโนโลยีการตรวจและรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งมักเรียกกันว่า ทำบอลลูนหัวใจ หรือ ใส่ขดลวดหัวใจ
• การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (permanent pacemaker; PPM) สำหรับการตรวจรักษาในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้าจนมีอาการหน้ามืด เป็นลม
• การตรวจสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจและจี้ไฟฟ้าหัวใจ (electrophysiology study; EPS และ radiofrequency ablation; RFA) สำหรับการตรวจรักษาในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
• การผ่าตัดหัวใจ (cardiac surgery) ทั้งการผ่าตัดบายพาสของหลอดเลือดหัวใจ (CABG) ผ่าตัดรักษาโรคลิ้นหัวใจ โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง และโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้ายังให้บริการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ (cardiac rehabilitation) เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจหลังจากรักษาอาการหัวใจวายหรือหลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจเพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้าได้รวบรวมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ทีมแพทย์และบุคลากรของสถาบันทุกท่านที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ และทำงานร่วมกันเป็นทีมในการประเมินและวางแผนการรักษาให้ผู้ป่วย นอกจากการรักษาแล้ว ทีมแพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้า ยังเน้นการดูแลปรับพฤติกรรมควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อชะลอการดำเนินโรคและป้องกันไม่ให้เกิดอาการของโรคหัวใจและหลอดเลือดซ้ำอีกด้วย